รับตรวจสอบบ้าน ตรวจบ้าน ตรวจคอนโด ตรวจบ้านมือสอง รับตรวจสอบอาคาร ตามพรบ.ควบคุมอาคาร รับตรวจสอบโครงสร้างอาคาร ตรวจสอบรอยร้าว การทรุดตัว แก้ไขฐานราก เสริมเสาเข็ม ติดต่อ ผู้ตรวจสอบ tel.081-938-6116 or www.nsplusengineering.com
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อก เพื่อความรู้ พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับงานก่อสร้าง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อก เพื่อความรู้ พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับงานก่อสร้าง ปัญหา การแก้ไขซ่อมแซม เสริมเสาเข็ม ฐานรากอาคาร
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554
พอดีที่บ้านเป็นตึกแถว ทุกครั้งที่ฝนตกพื้นดาดฟ้าจะรั่วและรั่วมากขึ้นเรื่อยๆ เคยเทปูนทับก็ไม่หาย ปูกระเบื้องทับก็ไม่หาย ตอนนี้ท้องพื้นด้านล่างคอนกรีตล่อนออกมาเป็นแผ่นๆ เห็นเหล็กเป็นสนิมอยู่ทั่วไป กังวลใจมาก ไม่ทราบควรแก้ไขอย่างไรดีครับ
คำถาม
พอดีที่บ้านเป็นตึกแถว ทุกครั้งที่ฝนตกพื้นดาดฟ้าจะรั่วและรั่วมากขึ้นเรื่อยๆ เคยเทปูนทับก็ไม่หาย ปูกระเบื้องทับก็ไม่หาย ตอนนี้ท้องพื้นด้านล่างคอนกรีตล่อนออกมาเป็นแผ่นๆ เห็นเหล็กเป็นสนิมอยู่ทั่วไป กังวลใจมาก ไม่ทราบควรแก้ไขอย่างไรดีครับ
ตอบ
พอดีที่บ้านเป็นตึกแถว ทุกครั้งที่ฝนตกพื้นดาดฟ้าจะรั่วและรั่วมากขึ้นเรื่อยๆ เคยเทปูนทับก็ไม่หาย ปูกระเบื้องทับก็ไม่หาย ตอนนี้ท้องพื้นด้านล่างคอนกรีตล่อนออกมาเป็นแผ่นๆ เห็นเหล็กเป็นสนิมอยู่ทั่วไป กังวลใจมาก ไม่ทราบควรแก้ไขอย่างไรดีครับ
ตอบ
ช่างส่วนใหญ่เข้าใจว่า เวลาเกิดน้ำรั่ว ไม่ว่าจะเป็นดาดฟ้า หรือหลังคากระเบื้อง นำปูนไปอุดบ้าง เทปูนทับรอยรั่วบ้าง หรือเทปรับระดับดาดฟ้าทับลงไปบ้าง นับเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ผิดพลาดอย่างมาก เนื่องจาก
1. การเทปูนทับหรือการปูกระเบื้องทับเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับโครงสร้างและอาจลดสัดส่วนความปลอดภัยของอาคารลง เช่น การเทปูนทับหรือปูกระเบื้องบนดาดฟ้าในความหนา 5 ซม. เป็นการเพิ่มน้ำหนักกับโครงสร้างถึง 120 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ในขณะที่วิศวกรออกแบบน้ำหนักบรรทุกจรของดาดฟ้า เพียง 100 กิโลกรัมต่อตารางเมตร เป็นต้น
2. ไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาวได้ เนื่องจากคอนกรีตหรือปูนทรายที่เทใหม่ ไม่สามารถยึดติดเป็นเนื้อเดียวกันกับคอนกรีตเก่าได้สนิท เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง น้ำจะไหลลอดระหว่างรอยต่อคอนกรีตตรงนั้นและรั่วลงมาเหมือนเดิม
ไม่แน่ใจสภาพความเสียหายนะครับ แนะนำเป็น 3 วิธี ใน 3 เงื่อนไขที่แตกต่างกันนะครับ
1. กรณีเหล็กเป็นสนิมดันคอนกรีตล่อนกะเทาะ เนื้อที่ประมาณไม่เกิน 20% ของพื้นที่ทั้งหมด
- ทำระบบกันซึมด้านบนดาดฟ้าที่เป็นด้านรับน้ำซึ่งมีหลายวิธี เช่น ระบบอะครีลิคกันซึม โพลียูริเทนกันซึม ระบบซึเมนต์กันซึม เป็นต้น
- สกัดเปิดคอนกรีตคุณภาพต่ำออก เปิดปากแผล ให้ถึงคอนกรีตคุณภาพดี
- ใช้แปรงขัดสนิมออกหรือทาน้ำยาเปลี่ยนสนิมเหล็กในกรณีที่เป็นสนิมผิว หรือ ถ้ามีการผุกร่อนของเหล็กมากเข้าไปในเนื้อเหล็กหรือสนิมขุม ให้ตัดเหล็กเดิมออกจนถึงเหล็กที่ดี แล้วทาบเหล็กขนาดเดียวกันมัดทาบตามระยะทาบที่วิศวกรกำหนดทั้ง 2 ด้าน
- ใช้ Repair Mortar หรือ ปูนซ่อมโครงสร้าง ซึ่งมีหลายยี่ห้อในท้องตลาด เช่น ทำการ Patching หรือใช้เกรียงเหล็กฉาบอัดเป็นชั้นๆ ให้เต็มตามระนาบพื้นเดิม ตบแต่งผิวด้วยการฉาบทั่วไป ย้ำว่าต้องใช้ Repair Mortar เท่านั้น ห้ามใช้ปูนผสมทรายทั่วไปมาฉาบเนื่องจากมีการหดตัวมาก และความแข็งแรงต่ำ
2. กรณีเหล็กเป็นสนิมดันคอนกรีตล่อนกะเทาะ เนื้อที่ 20-50% ของพื้นที่ทั้งหมด
- ทำการสกัดเปิดคอนกรีตและซ่อมแซมเหล็กเสริมพื้นเช่นเดียวกับ ข้อ 1
- เข้าแบบท้องพื้นด้านล่าง โดยให้ระดับเสมอกับพื้นโครงสร้างเดิม และเจาะพื้นด้านบนให้เป็นรูประมาณ 10 ซม. ตามตำแหน่งที่คาดว่า จะสามารถกรอกปูนลงไปได้ทั่วถึงพื้นที่ซ่อมแซมได้โดยตลอด
- เทคอนกรีตกำลังสูงไม่หดตัว (Non-Shrink Grout) และรื้อแบบออกเมื่อคอนกรีตได้อายุ
- ฉาบตบแต่งผิวคอนกรีตท้องพื้นที่เทใหม่
- ทำระบบกันซึมด้านบนดาดฟ้าที่เป็นด้านรับน้ำซึ่งมีหลายวิธี เช่น ระบบอะครีลิคกันซึม โพลียูริเทนกันซึม ระบบซึเมนต์กันซึม เป็นต้น
3. กรณีเสียหายมากกว่า 50%
- ทุบแล้วทำใหม่เถอะครับ เพราะถ้าคุณทำ 2 วิธีแรก อาจค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- เมื่อทำใหม่แล้ว แนะนำว่าควรทำระบบกันซึมด้วยนะครับ
ขอบคุณ www.aes-service.com
เสาเข็มมีกี่อย่าง แล้วจะเลือกใช้อย่างไร?
เสาเข็มโดยทั่วไปจะแยกออกได้เป็นสำคัญ 2 ประเภทคือ เสาเข็มตอก และ เสาเข็มเจาะ (ส่วน เสาเข็ม พิเศษอื่น ๆ เช่น Micro Pile นั้น หากไม่ใช่วิศวกรก็ไม่น่าจะไปสนใจ)… เสาเข็มตอก และเสาเข็มเจาะเอง ก็ยังแยกออกได้ เป็นอย่างละอีก 2 ประเภท ซึ่งโดยสรุปรวม วิธีการทำงาน และจุดดีจุดด้อย น่าจะสรุป พอเป็นสังเขป ได้ดังต่อไปนี้ :
1. เสาเข็มตอกทั่วไป จะ มีหน้าตาต่าง ๆ กัน บางทีก็เป็นสี่เหลี่ยม บางทีก็เป็นหกเหลี่ยม บางทีก็เป็นรูปตัวไอ ซึ่งทุกอย่าง จะมีหน้าตัดตันทั้งต้น เวลาตอก ก็ตอกลงไปง่าย ๆ อย่างที่เราเห็นกันโดยทั่วไป
2. เสาเข็มกลมกลวง เป็นเสาเข็มที่สามารถรับแรงได้มากกว่าเสาเข็มแบบแรก เพราะสามารถ ทำให้โตกว่าได้ ผลิตโดย การปั่นหมุนคอนกรีต ให้เสาเข็มออกมา กลมและกลวง เวลาติดตั้ง ส่วนใหญ่ จะขุดเป็นหลุมก่อน แล้วกดเสาเข็มลงไป พอถึงระดับ ที่ต้องการ จึงจะเริ่มตอก ทำให้มีส่วนของเสาเข็ม ไปแทนที่ดินน้อยลง (ดินถูกขุดออกมาบางส่วนแล้ว) อาคารข้างเคียงเดือดร้อนน้อยลง จากการเคลื่อนตัวของดิน (แต่ความดัง ฝุ่นละออง และความสะเทือน ก็ยังคงอยู่)
3. เสาเข็มเจาะแบบแห้ง เป็น ระบบเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะลึกไม่เกิน 20 เมตร (แล้วแต่ ระดับ ชั้นทราย) รับน้ำหนักต่อต้น ได้ไม่เกิน 120 ตัน วิธีการคือเจาะดินลงไป (แบบแห้ง ๆ ) แล้วก็หย่อนเหล็ก เทคอนกรีต ลงไปในหลุม… ราคาจะแพงกว่าระบบเข็มตอก แต่เกิดมลภาวะน้อยกว่ามาก ทั้งเรื่องการ เคลื่อนตัวของดิน ความสั่นสะเทือน ฝุ่นละออง จึงเป็นที่นิยมใช้ ในที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น
4. เสาเข็มเจาะแบบเปียก ทำเหมือนเสาเข็มเจาะแห้ง แต่เวลาขุดดินจะขุดลึก ๆ แล้วใส่สารเคมีลงไป เคลือบผิวหลุมดิน ที่เจาะ ทำหน้าที่เป็นตัวยึดประสานดินและดันดินไม่ให้พังทลายลงเวลาเจาะลึก ๆ (ซึ่งสามารถเจาะได้ลึกถึงกว่า 70 เมตร) รับน้ำหนักได้มากและเกิดมลภาวะน้อย ราคาแพง ส่วนการเลือก ว่าจะใช้เข็มแบบไหนดีนั้น ต้องตั้งข้อสังเกตุ ปัญหาก่อน แล้วเปรียบเทียบ ความจำเป็น- ความเป็นไปได้ ของแต่ละระบบ ในแต่ละงาน โดยยึดถือ ข้อหลักประจำใจ ในการพิจารณาดังนี้ :
ก.) ราคา
ข.) บ้านข้างเคียง (มลภาวะ)
ค.) ความเป็นไปได้ในการขนส่งเข้าหน่วยงาน
ง.) เวลา (ทั้งเวลาทำงาน และเวลาที่ต้องรอคอย)
ในการเลือกระบบเสา เข็ม นี้ ต้องให้วิศวกรออกแบบเสาเข็มและฐานรากหลาย ๆ แบบดู (อย่าเกิน 3 แบบ) ต้องวิเคราะห์รวม (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราคา และเวลา) ของเสาเข็ม และฐานราก จึงจะใช้ เป็น ข้อยุติได้ (หลีกเลี่ยง เสาเข็มราคาถูก ทำเร็ว แต่ทำให้ฐานรากราคาแพงและล่าช้า ทำให้ทั้งโครงการ ล่าช้าไปหมด)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.aes-service.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)